วันพุธที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

ประชาธิปไตยอยู่ไหน?

ในบรรยากาศการเมืองเช่นนี้ มีกลอนบทหนึ่งที่แวบเข้ามาในหัวทันที เวลาหาเรื่องมาเขียน และเชื่อว่าเป็นบทกลอนที่เพื่อน ๆ พี่ๆ น่าจะได้ยินมากันแล้ว
กลอนมีอยู่ว่า......

สิบสี่ตุลาวันมหาปิติ พระปกเกล้าทรงดำริพระราชดำรัส
ทรงลงพรปรมาภิไธยอนุมัติ ไทยยังจำคำสัตย์เสมอมา
สองสี่เจ็ดห้าถึงสองพันห้าร้อยสิบหก โอ้พระปกฯ ประชาธิไตย อยู่ไหนหนา
สิ้นแผ่นดิน เผด็จการก็ลานตา ทรชนเรียงหน้าเข้าราวี
สิบสี่ตุลา วันมหาวิปโยค ลูกหลานไทยเลือดโชกทั่วพื้นที่
คาวเลือดคลุ้งนองสาดเพื่อชาติพลี มาเกิดกู้สู้ไม่หนีวีรชน
เขาเพรียกเสียงเพียงขานประสานก้อง เขาเรียกร้องรัฐธรรมนูญเพิ่มพูนผล
เขายืนหยัดต่อสู้ศัตรูคน เขาสู้ทนเพื่อมหาประชาไทย
สิบสี่ตุลาวันมหาปิติ มาฟังสิฟังเสียงสำเนียงใส
เสียชโยโห่ร้องดังก้องไกล ประชาชนขับไล่เผด็จการ
คราบน้ำตายังไม่แห้งลงเหือดหาย เพื่อนพี่น้องล้มตายทุรนร่าน
พ่อข้าเพิ่งจะยิ้มอย่างสำราญ เห็นลูกมันกล้าหาญก็ภูมิใจ
ครบรอบปี สิบสี่ตุลา ประชาชนถ้วนหน้าก็ร่ำไห้
ดวงวิญญาณวีรชนอยู่หนใด วันนี้ร้อยมาลัยมาบูชา
มโหรีจะโหมโรงเป็นระลอก มหกรรมในนอกจะแน่นหนา
และผู้คนทุกชนชาติจะยาตรา โปรดมาลาจุดธูป คลุ้งพระเมรุ
ครบรอบปีสิบสี่ตุลา ราชดำเนินเลือดทาแผ่นดินเด่น
วีรกรรมอาชีวะที่กะเกณฑ์ ก็หนุนเนื่องเห็นเป็นประจำ
รอยเลือดแลกเลือดเดือดพล่าน อาจหาญโหมรุกบุกกระหน่ำ
สามัคคีมิตรสหายออกร่ายรำ มุ่งนำประชาธิปไตยหมายทุน
ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า ผู้ปกครองต่างมาแล้วสาบสูญ
ไม่มีใครล้ำเลิศน่าเทิดทูน ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป
เมื่อยืนหยดต่อสู้ผู้กดขี่ ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่
เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนย่อมเป็นใหญ่ ในแผ่นดิน......
__________________________________

บนทางเดินที่เราเคยหกล้ม ทำให้ใครบางคนนั้นหล่นหาย ฝากรอยแผลไว้ข้างใจ ทิ้งให้เราจดจำ